454/67 (IT) ประจำวันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2567
รายงานใหม่จาก Chainalysis เผยว่า แฮกเกอร์เกาหลีเหนือขโมยสกุลเงินดิจิทัลมูลค่ากว่า 1.34 พันล้านดอลลาร์ จากการโจมตีทางไซเบอร์ 47 ครั้งในปี 2024 สร้างสถิติใหม่ของการโจรกรรมในโลกไซเบอร์ ตามรายงาน ระบุว่าเงินจำนวนดังกล่าวคิดเป็น 61% ของมูลค่าทั้งหมดที่ถูกขโมยในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยช่วงเวลาที่เกิดเหตุโจมตีหนักที่สุดคือระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม ซึ่งทำให้สูญเสียเงินไปถึง 72% ของมูลค่ารวมในปีนี้ เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายใหญ่ในปีนี้ ได้แก่ การโจมตี DMM Bitcoin ในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้สูญเสียเงินไปกว่า 305 ล้านดอลลาร์ และการแฮ็ก WazirX ในเดือนกรกฎาคม สูญเสียมูลค่า 235 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม DeFi และบริการรวมศูนย์ยังคงเป็นเป้าหมายหลัก ขณะที่การละเมิดคีย์ส่วนตัว (Private Key) เป็นวิธีที่แฮกเกอร์ใช้บ่อยที่สุด คิดเป็น 44% ของมูลค่าความเสียหาย
ศักยภาพแฮกเกอร์ของเกาหลีเหนือที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเกาหลีเหนือได้ให้การสนับสนุนการโจมตีดังกล่าว เพื่อนำรายได้เข้าสู่โครงการพัฒนาอาวุธ โดยรายได้จากการโจมตีในปีนี้สูงถึง 1.34 พันล้านดอลลาร์ ทำลายสถิติเดิมเมื่อปี 2022 ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์ และรายงานยังเผยว่า ความถี่และความรุนแรงของการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 เช่น กรณี DMM Bitcoin ถูกกล่าวหาว่าเป็นผลงานของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ และ CoinStats รายงานว่ามี DigitalWallet จำนวน1,590 บัญชี ถูกเจาะระบบในเดือนมิถุนายน แม้การโจมตีจะลดลงหลังเดือนกรกฎาคม แต่ก็ยังคงมีความพยายามต่อเนื่องในการเจาะระบบแพลตฟอร์ม Fintech ในปี 2025 ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่ราคาพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Chainalysis แนะนำให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ใช้มาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะการจัดการคีย์ส่วนตัว และการตรวจสอบจุดอ่อนในระบบ เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในโลกของสกุลเงินดิจิทัล ที่ยังคงเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการโจมตีจากกลุ่มแฮกเกอร์มืออาชีพที่มีเป้าหมายชัดเจน